สภช. กลุ่มภาคกลาง ๒๖ จังหวัด รวมพลังแสดงเจตนารมณ์ แผนชุมชนต้นทุนแห่งอนาคต

"คิดใหม่ มองไกล ก้าวไปด้วยกัน" เมื่อวันที่ ๒๔-๒๕ มีนาคม ๒๕๖๔ ณ โรงแรมพีลูส จังหวัดกาญจนบุรี

     ร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ประธานในพิธี โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการกลุ่มภาคกลาง "คิดใหม่ มองไกล ก้าวไปด้วยกัน" แผนชุมชนต้นทุนแห่งอนาคต เข้าเยี่ยมชมนิทรรศการขยายผลตลาดนัดแผนชุมชน ของสภาเกษตรกรจังหวัดกลุ่มภาคกลาง ๒๖ จังหวัด โดยมีนายเสถียร มาเจริญรุ่งเรือง ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดกาญจนบุรี สมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัดกาญจนบุรี นางสมพร โพธิ์ธรรม หัวหน้าสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดกาญจนบุรี พนักงานสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดกาญจนบุรี และสภาเกษตรกรจังหวัดกลุ่มภาคกลาง ๒๖ จังหวัด เข้าร่วมโครงการสัมมนาฯ เมื่อวันที่ ๒๔-๒๕ มีนาคม ๒๕๖๔ ณ โรงแรมพีลูส ตำบลปากแพรก อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ที่มาร่วมแสดงผลงานการดำเนินการแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรจากการจัดทำแผนพัฒนาเกษตรกรรมตำบลของกลุ่มภาคกลาง ๒๖ จังหวัด ในแต่ละมิติ อาทิ เรื่องแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร เรื่องที่ดินทำกิน เรื่องราคาสินค้าเกษตร เรื่องมาตรฐานและการแปรรูปสินค้าเกษตร เรื่องหนี้สินเกษตรกร และอื่นๆ อีกทั้งยังร่วมกันระดมความคิดเห็นเพื่อจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อพัฒนาด้านการเกษตรในระดับภาค และรับฟังการบรรยายแนวทางในการปฏิบัติงานร่วมกัน ทั้งนี้ได้รับเกียรติจากนายรัตนะ สวามีชัย เลขาธิการสภาเกษตรกรแห่งชาติ บรรยายพิเศษ เรื่อง สภช.คิดใหม่ มองไกล ก้าวไปด้วยกัน แผนชุมชนต้นทุนแห่งอนาคต และการจัดทำข้อเสนอเชินโยบายจากตัวแทนของ เลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม สุดท้ายผู้เข้าร่วมโครงการได้แสดงเจตนารมณ์ด้วยกัน "สานพลัง สภาเกษตรกรจังหวัดกลุ่มภาคกลาง แผนชุมชนต้นทุนแห่งอนาคต" ก่อนปิดท้ายการสัมมนา
     ทั้งนี้ในงานดังกล่าว สำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดกาญจนบุรี ได้ประชาสัมพันธ์ผลการขับเคลื่อนแผนพัฒนาเกษตรกรรมตำบล การแก้ไขปัญหาเพื่อส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรม ในการลดความเสี่ยงของการประกอบอาชีพ สู่การทำเกษรตรกรรมแบบคู่ขนาน ตามแนวคิดของนายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ โดยสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดกาญจนบุรีทำหน้าที่เชื่อมต่อองค์ความรู้ด้านการเกษตรจากเกษตรกรผู้ประสบผลในพื้นที่สู่เกษตรกรและทายาทเกษตรกรในตำบลเป้าหมายที่ได้จัดทำแผนพัฒนาเกษตรกรรมตำบล ถ่ายทอดความรู้ในเรื่องการเพาะเห็ดสายพันธุ์ต่างๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงและให้เกษตรกรมีรายได้เสริมหรือรายได้หลักแบบรายวัน ซึ่งตามข้อมูลจากการจัดทำแผนพัฒนาเกษตรกรรมตำบลบ่งชี้ให้เห็นว่าเกษตรกรในตำบลเป้าหมายส่วนมากมุ่งเน้นในการปลูกพืชเชิงเดี่ยวทำให้ประสบปัญหาด้านราคาอีกทั้งพืชเชิงเดี่ยวที่ปลูก อาทิ มันสำปะหลัง อ้อยโรงงาน และไม้ผล สร้างรายได้ให้เกษตรกรในรูปแบบรายปีหรือเฉพาะฤดูกาลสุทธิแล้วที่ไม่เพียงพอต่อรายจ่ายในชีวิตประจำวัน การทำการเกษตรแบบคู่ขนานจึงเป็นอีกแนวคิดหนึ่งที่เกษตรกรต้องปรับตัวให้สามารถประกอบอาชีพเกษตรกรรมได้หลากหลายควบคู่กันไป อันจะส่งผลให้มีรายได้ในรูปแบบรายวันและรายปีหรือเฉพาะฤดูกาล ต่อไป





ความคิดเห็น